วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551

Mixi กับ Myspace

Mixi ขยายเครือข่ายไปยังจีนแข่งกับ Myspace
ปัจจุบันเว็บไซต์สังคมออนไลน์ หรือ Social Network อย่าง hi5 myspace facebook เป็นที่นิยมมากทั่วโลก สำหรับในประเทศญี่ปุ่นก็มีผู้ใช้บริการประเภทนี้จำนวนมาก 1 ในเว็บประเภทนี้ที่ดังมากในญี่ปุ่น คือ Mixi เว็บไซต์สังคมออนไลน์ชื่อดังของญี่ปุ่น Mixi มีแผนที่จะขยายเว็บไซต์ของตนไปยังประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ ที่มีจำนวนผู้เล่นอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมากและเพิ่มขึ้นมากทุกๆ วัน โดยในประเทศจีนนั้น มีเว็บไซต์แนวๆ เดียวกับ Mixi ที่ได้ขยายธุรกิจเว็บไซต์ของตนเองมาก่อนแล้วก็คือ Myspace



เป็นระยะเวลา 4 ปีมาแล้ว นับตั้งแต่วันที่ Mixi ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี 2547 Mixi มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของเว็บไซต์ประเภทนี้ของญี่ปุ่นได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี แม้จะมีคู่แข่งสำคัญๆ อย่าง Myspace Japan เครือข่ายของ Myspace ในญี่ปุ่น ซึ่งประมาณเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ปีนี้ Mixi จะขยายเครือข่ายของตนไปยังประเทศจีน โดยการก่อตั้ง Mixi Shanghai ขึ้น ภายใต้งบประมาณเบื้องต้นเป็นเงินกว่า 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : th.msn.com


ทิศทางการทำตลาดปี 2008

เปิดศักราชใหม่ของปี บรรดานักการตลาด ก็ต้องเริ่มวางแผน
ปรับกระบวนท่าการทำตลาดให้ทันยุค ทันสมัยมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังต้องมองหาโอกาส และเป้าหมายใหม่ๆ ที่จะมาทำให้แคมเปญการตลาดต่างๆ ที่คุณคิดขึ้นมาประสบความสำเร็จ

สำหรับปี 2008 การใช้งบประมาณ หรือใช้วิธีทำการตลาดที่เหมาะกับยุคเศรษฐกิจพอเพียง และยุคที่มีการรณรงค์เรื่องสภาวะโลกร้อนกันอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันอยู่ ดังนั้นทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการทำตลาดที่เกินตัว ฟู่ฟ่า แต่ควรเน้นการทำตลาดในแบบที่วัดผลความสำเร็จของแคมเปญการตลาดต่างๆ ด้วยความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก

ส่วนแนวโน้มการทำตลาดในปี 2008 นี้ บนเว็บไซต์หลายๆ แห่งในต่างประเทศ ได้เริ่มออกมากล่าวถึงประเด็นนี้กันแล้ว ซึ่งมีทั้งการสำรวจความคิดเห็นของนักการตลาดว่าคิดอย่างไรกับการทำตลาดในปี 2008 บางแห่งก็ออกมากล่าวถึงภาพรวมของทิศทางที่เป็นไปได้ในการทำตลาด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตลาดในเมืองไทย หรือต่างประเทศ ก็ยังคงจำเป็นต้องใช้การทำตลาดแบบออนไลน์ และออฟไลน์ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

จากผลการสำรวจของ Anderson Analytics ที่ได้ทำการสำรวจสมาชิกของกลุ่มเครือข่ายเจ้าหน้าที่การตลาด (Marketing Executives Networking Group หรือ MENG) จำนวน 1,700 คน เพื่อหาสุดยอดแนวโน้มการทำตลาดในปี 2008 พบว่า 60% ให้ความเห็นว่า การตลาดพื้นฐาน ที่ประกอบไปด้วยแนวคิดในเรื่อง ความพึงพอใจของลูกค้า, การรักษาลูกค้า, การแบ่งส่วนตลาด, ความภักดีต่อแบรนด์ และผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ยังคงเป็นวิธีที่มีความสำคัญอยู่มาก

นอกจากนี้ 42% ได้ให้ความสนใจไปที่การทำตลาดในส่วน Search Engine Optimization ซึ่งวิธีทำการตลาดแบบนี้ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจ้างนักการตลาดได้อีกด้วย ส่วนการทำ ตลาดเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ มีการให้ความสนใจถึง 32% ซึ่งแนวความคิดนี้เป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่มีความสำคัญ และกำลังเป็นแนวโน้มในการทำตลาดที่มาแรงในขณะนี้ เพราะเป็นวิธีที่ไม่จำเป็นต้องทำให้หรูหรา แต่ก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์สินค้า และบริษัทของตัวเองได้

นอกจากนี้ผลการสำรวจของ Anderson Analytics ยังได้ระบุถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่คิดว่าสำคัญที่สุดอีกด้วย โดยพบว่า เจ้าหน้าที่การตลาดอาวุโสต่างจัดให้กลุ่มคนวัยชรา เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญที่สุดถึง 88% ส่วนกลุ่มคนวัยทำงานช่วง 34-39 ปี มีความสำคัญที่ 86%, กลุ่มสตรี มีความสำคัญที่ 85% และกลุ่มคนวัยทำงานช่วง 25-33 ปี มีความสำคัญที่ 84%

ดูจากผลสำรวจ อาจจะคิดว่ากลุ่มคนชรานี่นะ ที่นักการตลาดทั้งหลายคิดว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก แต่หากลองคิดดูให้ดีจะพบว่า กลุ่มคนชรานี่แหล่ะ ที่เป็นกลุ่มคนที่สุดแสนจะมีเวลาว่าง สามารถเข้าใช้อินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีเงินในกระเป๋าซึ่งพร้อมจ่ายได้ทุกเมื่ออีกด้วย

ส่วนทางด้านเว็บไซต์ TheWISEmarketer.com ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงแนวโน้มการทำตลาดในปี 2008 ที่น่าสนใจในอีกหลายๆ แง่มุม อาทิ การทำโฆษณากลางแจ้ง ที่เป็นแนวโน้มที่ดีอย่างหนึ่ง และคาดว่าจะเป็นช่องทางที่มีการเติบโตเร็วพอๆ กับการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต ที่มียอดการลงโฆษณาพุ่งสูงขึ้นทุกปี

ซึ่งถ้าสังเกตตามท้องถนนให้ดี จะพบว่า มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาให้การโฆษณากลางแจ้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในแง่ของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การสร้างเสน่ห์ให้ดึงดูดใจ การสร้างความบันเทิง และการแลกเปลี่ยนความรู้

การเข้าไปในโลกของเกม ทุกวันนี้เกมได้แทรกซึมเข้าไปในทุกสังคม ทุกเพศ ทุกวัย จึงเป็นเส้นทางใหม่ของนักการตลาดที่จะใช้สื่อสารกับคนนับล้านที่ชื่นชอบการเล่นเกมได้ง่าย และสะดวกกว่าเดิม อย่างบ้านพักคนชราในหลายๆ ประเทศ ก็ได้ซื้อเครื่อง Wii มาใช้เพื่อสร้างความบันเทิง และยังใช้เจ้าเครื่องนี้เป็นสื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นปู่ ย่า ตา ยาย กับหลานสาวตัวเล็กๆ อีกทั้งยังเป็นเครื่องเล่นเกมที่ช่วยให้ได้ออกกำลังกายในทางอ้อมอีกด้วย

ลองคิดดูว่ามีคนกี่ล้านคน ที่ชอบวาดวงสวิงในสนามกอล์ฟเสมือนผ่านเกมกอล์ฟที่เล่นด้วยเครื่อง Wii จากค่าย Nintendo ที่มีพัฒนาการมาจากวิดีโอเกมในแบบเดิมๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ใช่นักเล่นกอล์ฟตัวยงเลย นอกจากนี้ยังมีการนำเกมมาใช้ในการฝึกอบรม หรือคัดสรรบุคลากร รวมทั้งยังพัฒนาเกมให้สามารถส่งข้อความถึงกันได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นช่องทางใหม่ๆ ที่จะสร้างประโยชน์ในเชิงโฆษณาให้กับนักการตลาดได้

ทำการตลาดผ่านเว็บ Social Networking จะเห็นได้ว่าเว็บไซต์แบบ Social Networking กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก ซึ่งการลงทุนทำการตลาดในเว็บลักษณะนี้ ก็ถือเป็นวิธีที่ชาญฉลาดอยู่เหมือนกัน โดยในตลาดระดับโลกนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้นำของเว็บในลักษณะนี้คงหนีไม่พ้น MySpace และ Facebook แต่ก็ยังมีเว็บ social networking ประเภทอื่น ที่เจาะเฉพาะกลุ่มลงไป อาทิ กลุ่มวัยรุ่น ก็ต้องเป็นเว็บ Pizco และ Tagged, กลุ่มคนแก่ ก็ต้องเป็นเว็บ Eons, กลุ่มช่างภาพ ก็ต้องยกให้กับเว็บ Flickr, ส่วนกลุ่มคนใจบุญ ผู้ชอบทำความดี ก็ต้องไปที่เว็บ AllDayBuffet และแม้แต่กลุ่ม B2B ก็ต้องเป็นเว็บ Linkedln และ Plaxo นอกจากนี้ก็ยังมีเว็บที่เป็นลักษณะ social networking อื่นๆ อีกมากมาย ที่คงจะเขียนรายชื่อกันออกมาได้ไม่หมด

ส่วนในเมืองไทยนั้นเว็บ hi5, pixja.com และ multiply ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยอย่างมาก โดยในประเทศไทยนั้น มีสมาชิกที่เข้าใช้งาน hi5 เป็นประจำประมาณ 8 แสนราย ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีค่า UIP และสถิติการคลิกดูโฆษณาสูงเว็บหนึ่งในประเทศเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ในแบบ social networking เชื้อสายไทย ที่มาแรง เป็นที่นิยมไม่แพ้เว็บของต่างชาติ ก็อย่างเช่น bloggang.com, masii.com, dek-d.com, exteen.com, pixja.com เป็นต้น อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่า คนไทยจะมีการใช้งานเว็บไซต์ในแบบ social networking เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีหยุดอีกด้วย

การตลาดบนมือถือ นี่อาจเป็นปีทองสำหรับการนำเทคโนโลยีบนมือถือ มาพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อโอกาสใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เพราะจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 36 ล้านคนในเมืองไทย หรือกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศ ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยตลาดในเมืองไทย อาจยังต้องใช้เทคโนโลยีพื้นฐานอย่าง MMS และ SMS เข้ามาช่วยทำการตลาดไปก่อน แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะมีการนำเทคโนโลยีมือถือพื้นฐานนี้มาปรับใช้ในแผนการตลาดกันมากขึ้น ส่วนในต่างประเทศนั้น ผู้ใช้โทรศัพท์ที่รองรับเทคโนโลยีบลูทูธ เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของนักการตลาด เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ทำให้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น


การทำตลาดด้วยโทรศัพท์มือถือ มีจุดดีตรงที่ สามารถเข้าถึงความเป็นส่วนตัวได้สูง ส่งข้อมูลถึงกันเมื่อไหร่ และที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ไม่เป็นสแปม แต่ยังมีข้อเสียในแง่ของการเป็น การสื่อสารเพียงทางเดียวอยู่เช่นกัน

สร้างคลิปวิดีโอ สำหรับประเทศที่รักความบันเทิงเป็นชีวิตจิตใจอย่างเมืองไทยแล้ว คลิปวิดีโอ เป็นวิธีหนึ่งที่มีโอกาสทำให้การทำตลาดในแคมเปญนั้นๆ ได้รับการตอบรับสูง อีกทั้ง คลิปวิดีโอ ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งจากตัวเลขของ eMarketer.com ได้รายงานไว้ว่า มีชาวอเมริกา 123 ล้านคน ที่ดูวิดีโออย่างน้อย 1 เรื่องต่อเดือน และ75% จะบอกเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องที่เขาดู อีกทั้ง การใช้งานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในอเมริกา กว่า 70% ใช้เพื่อดูวิดีโอ ซึ่งนั่นทำให้ คลิปวิดีโอ กลายเป็นเครื่องมือการทำตลาดชิ้นเยี่ยมไปโดยปริยาย

ดังนั้น การทำตลาดทั้งในแบบ B2B และ B2C หากมีการนำคลิปวิดีโอเข้ามาช่วย จะเป็นการสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างการเรียนรู้ และสร้างความบันเทิง ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ จะนำพาไปสู่การทำตลาดที่ประสบความสำเร็จ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นแนวโน้มการตลาดที่คาดว่าจะมาแรง ฮ็อตฮิต ในปี 2008 ทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศซึ่งนักการตลาดทั้งหลาย สามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับบริการของตัวเองที่มีอยู่ได้ เอาล่ะ! ถึงเวลาเริ่มวางแผน และปรับทิศทางการทำตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกันแล้ว เพื่อให้ปี 2008 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา สดใส และเติบโต


ที่มา : ecommerce-magazine